นโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการ
(“นโยบาย”) ฉบับนี้ได้รับการจัดทำโดยบริษัท โอริกามิ วอช แอนด์ ดราย จำกัด (“บริษัท”) เพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะผู้ใช้บริการดังนี้ (“ผู้ใช้บริการ”)
(1) ที่ใช้บริการเครื่องซักผ้า เครื่องอบแห้ง
เครื่องแลกเหรียญอัตโนมัติ และสิ่งอำนวย ความสะดวกอื่น
ที่บริษัทจัดเครื่องและอุปกรณ์ดังกล่าวไว้ให้บริการที่หน้าร้านของบริษัท (2)
ที่เยี่ยมชมและใช้บริการแอปพลิเคชัน ของบริษัท ภายใต้ชื่อ Origami รวมถึง การใช้บริการการชำระเงิน การสะสมคะแนน
และการใช้บริการอื่นใดผ่านแอปพลิเคชันที่บริษัทได้พัฒนาขึ้น
เพื่อสนับสนุนการใช้บริการหลักของบริษัท (“แอปพลิเคชัน”)
(3) ที่ใช้บริการติดต่อประสานงานสนับสนุนอื่นผ่าน Call
Centre, Line Official Account และ Facebook ของบริษัท
(บริการทั้งหมดเรียกรวมกันว่า “บริการ”) รับทราบเกี่ยวกับเงื่อนไข
ความจำเป็นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ
ที่บริษัทจำเป็นต้องดำเนินการ เพื่อการให้บริการทั้งหมดของบริษัทแก่ผู้ใช้บริการ
เมื่อผู้ใช้บริการเริ่มต้นใช้บริการของบริษัท
โดยเฉพาะเมื่อผู้ใช้บริการเข้ามาภายในพื้นที่หน้าร้าน เริ่มต้นใช้งานเครื่องซักผ้า
เครื่องอบแห้ง เริ่มต้นลงทะเบียนเพื่อใช้งานแอปพลิเคชัน
หรือติดต่อสื่อสารมายังบริษัทผ่านช่องทางที่กำหนด ทางบริษัทจะ ถือว่า ท่านตกลงและยอมรับนโยบายฉบับนี้แล้ว
หากผู้ใช้บริการปฏิเสธหรือไม่ยอมรับนโยบายฉบับนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ใน
การปฏิเสธการให้บริการต่าง ๆ แก่ผู้ใช้บริการดังกล่าว
ทั้งนี้บริษัทสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขและปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ ได้ตามแต่ละระยะเวลา
ให้เหมาะสมกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้สอดคล้องกับการให้บริการของบริษัท
รวมถึงให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลง ด้วยการประกาศนโยบายฉบับ ปรับ
ปรุงผ่านช่องทางการติดต่อต่าง ๆ ของบริษัท
ขอบเขตการบังคับใช้ของนโยบาย
นโยบายฉบับนี้ใช้เฉพาะกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่บริษัทดำเนินการ
เพื่อให้บริการของบริษัทตามที่ระบุไว้
หรือที่บริษัทอาจดำเนินการปรับปรุงและเพิ่มติมด้วยการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น
ตามแต่ระยะเวลา โดยจะไม่มีผลบังคับใช้กับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ
โดยบุคคลภายนอกที่อาจต่อเนื่องมาจากบริการของบริษัท
(รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการให้บริการของร้านแฟรนไชส์ของบริษัท
ที่อาจดำเนินการเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่บริษัทกำหนดและแจ้งอนุญาตให้ใช้สิทธิ)
ซึ่งบริษัทไม่มีอำนาจควบคุม และผู้ใช้บริการต้องศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวของบุคคลดังกล่าวเป็น
การเฉพาะ
ภายใต้นโยบายฉบับนี้ “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง
ข้อมูลไม่ว่าในลักษณะใดที่ทำให้บริษัทสามารถระบุตัวผู้ใช้บริการรายบุคคลได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่เป็นบุคคลธรรมดา
หรือข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และ/หรือ
ตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจของผู้ใช้บริการที่เป็นนิติบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการประมวลผล
บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการจากแหล่งที่มา ดังนี้
(1) ได้รับจากผู้ใช้บริการโดยตรง ในระหว่างการลงทะเบียน
และการติดต่อสื่อสารประสานงานระหว่างบริษัทกับผู้ใช้บริการผ่านช่องทางการติดต่อสื่อสารต่าง
ๆ เช่น Call Centre, Line Official Account และ Facebook
ของบริษัท (2) ได้รับโดยอัตโนมัติ ในขณะที่ผู้ใช้บริการใช้บริการเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัท
หรือ (3) ได้รับจากบุคคลอื่น เช่น
บริษัทต้นสังกัดที่อาจซื้อบริการของบริษัทเพื่อเป็นสวัสดิการหรือผลประโยชน์พิเศษให้แก่ผู้ใช้บริการ
หรือผู้แนะนำ (Referral) อื่น
รวมถึงบริษัทอาจได้รับการยืนยันการชำระเงินของผู้ใช้บริการจากผู้ให้
บริการชำระเงินภายนอก
ซี่งในกรณีได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการจากบุคคลอื่นดังกล่าว
บริษัทจะถือว่า บุคคลที่ให้ข้อ มูลของผู้ใช้บริการแก่บริษัทเหล่านั้น
มีสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายในการส่งต่อเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการมาให้แก่
บริษัทเพื่อประมวลผลภายใต้เงื่อนไขของนโยบายฉบับนี้
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการประมวลผลระหว่างการใช้บริการหน้าร้านและการติดต่อประสานงานการใช้บริการ
ระหว่างที่ผู้ใช้บริการเข้ามาภายในพื้นที่หน้าร้านของบริษัท
และ/หรือใช้บริการของบริษัท รวมถึงการติดต่อประสานงานสอบ
ถามขอการสนับสนุนจากบริษัท บริษัทจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม ใช้
ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้
1. ชื่อนามสกุล
และรายละเอียดการติดต่อร้องเรียน หรือการร้องขอบริการสนับสนุนต่าง ๆ
ของผู้ใช้บริการที่มีต่อบริษัท ซึ่งผู้ใช้บริการนั้นอาจติดต่อสื่อสารมายังบริษัท
ผ่านช่องทางการติดต่อสื่อสารที่บริษัทกำหนด
2. รายละเอียดบนบัตรประจำตัวประชาชน
และอาจรวมถึงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนที่จำเป็นสำหรับจัดทำเอกสารทางด้านบัญชีและภาษีของผู้ใช้บริการ
(เช่น ใบกำกับภาษี) หรือของบริษัท
3. กรณีการเข้าใช้บริการหน้าร้าน
รวมถึง ภาพถ่ายใบหน้าของผู้ใช้บริการที่เข้ามา และอาจได้รับการบันทึกด้วยระบบกล้อง
CCTV และกรณีที่ผู้ใช้บริการใช้บริการอินเตอร์เน็ต WIFI
ที่หน้าร้าน
รวมถึงข้อมูลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บเป็นบันทึกการใช้บริการอินเตอร์เน็ตไร้สายของผู้ใช้บริการดังกล่าว
4. ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่ผู้ใช้บริการอาจให้แก่
บริษัทสำหรับการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ
ที่บริษัทอาจจัดขึ้นและผู้ใช้บริการอาจสนใจเข้าร่วม
ซึ่งอาจรวมถึงการชิงรางวัลต่างๆ ซึ่งอาจรวมถึง ภาพถ่ายของผู้ใช้บริการดังกล่าว
และกรณีได้รับรางวัล อาจรวมการเก็บข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ใช้บริการดังกล่าวเพื่อการจัดทำเอกสารใบกำกับภาษี
เป็นต้น
ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม
และใช้นี้จะถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์หลัก ดังนี้
1. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่บริษัทอาจมี
โดยเฉพาะกฎหมายว่าด้วย บัญชีภาษีที่บริษัทจำเป็นต้องจัดทำบทราย
งานทางด้านบัญชีหรือการเงิน
ซึ่งบริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลตามรอบระยะเวลาบัญชีและกฎหมายว่าด้วย
ความรับผิดทางคอมพิวเตอร์ที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลการ เชื่อมโยง WIFI เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 90 วัน
2. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาในการให้บริการสนับสนุน
ตอบคำถามข้อสงสัยที่ผู้ใช้บริการอาจมีมายังบริษัท
หรือการพิจารณาการตรวจสอบคุณสมบัติการเข้าร่วมกิจกรรมที่บริษัทจัดทำขึ้น โดยบริษัท
มีความจำเป็นในการเก็บ รวบรวม ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการตราบเท่าที่จำเป็นในการให้บริการของบริษัท
หรือตลอดระยะเวลาการจัดกิจกรรม
3.
เพื่อการรักษาสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท
โดยเฉพาะในส่วนของการติดตามวิเคราะห์การแก้ไขและบริหารจัด การข้อร้องเรียน
การรักษาความปลอดภัยของสถานที่หน้าร้านหรือทรัพย์สินของบริษัท ทั้งนี้
บริษัทจะไม่ดำเนินการใด อันเป็นไปในลักษณะที่กระทบสิทธิเจ้าของข้อมูลมากเกินสมควร
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการประมวลผลระหว่างการใช้บริการแอปพลิเคชัน
ระหว่างการใช้งานแอปพลิเคชัน ตั้งแต่การสมัครเปิดบัญชีผู้ใช้งาน
การดำเนินธุรกรรมใดก็ตามด้วยบัญชีผู้ใช้งานดังกล่าวผ่านแอปพลิเคชัน บริษัทจำเป็นต้องเก็บ
รวบ รวม ใช้ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้:
1. ข้อมูลทั่วไปของผู้ใช้บริการ
ได้แก่ ชื่อ นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด เลขบัตรประจำตัวประชาน และข้อมูลการติดต่อ
ได้แก่ อีเมลและเบอร์โทรศัพท์
2. ข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้บริการ
(Log Data) ซึ่งรวมถึงข้อมูล IP Address รายละเอียดอุปกรณ์ ระบบ
ปฏิบัติการของเครื่องมือที่ผู้ใช้บริการใช้เพื่อการใช้บริการแอปพลิเคชัน
รวมถึงการใช้คุกกี้ประเภทต่าง ๆ
ทั้งนี้ บริษัทอาจใช้ ข้อมูล Cookies
ซึ่งหมายถึง text files ที่อยู่ใน Browser
ของผู้ใช้บริการ เพื่อจัดเก็บรายละเอียดข้อมูล
รวมถึงบันทึกการใช้งานอินเตอร์เน็ต
หรือพฤติกรรมการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของผู้ใช้บริการ โดยบริษัทมีความจำเป็น ต้องใช้ Cookies
หลายประเภท เพื่อจุดประสงค์ต่างกันไป โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังต่อไปนี้
1. Strictly Necessary Cookies คือ Cookies ที่มีความจำเป็นอย่างมากต่อการทำงานของเว็บไซต์
และการให้บริการแก่ผู้ใช้งานในการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างทั่วถึงและปลอดภัย
2. Functionality Cookies คือ Cookies ที่ทำหน้าที่จดจำสิ่งที่ผู้ใช้บริการเลือกหรือตั้งค่าบนเว็บไซต์
เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้ ภาษา ฟ้อนต์และรูปแบบการนำเสนอข้อมูลต่าง
ๆ ที่ตรงความต้องการเฉพาะบุคคลตามการตั้งค่าที่เลือกไว้
3. Performance Cookies คือ Cookies ที่ทำหน้าที่ประเมินประสิทธิภาพในการทำงานแต่ละส่วนของเว็บไซต์
4. Advertising Cookies คือ Cookies ที่ทำหน้าที่ในการจดจำสิ่งที่ผู้ใช้บริการเคยเยี่ยมชม
รวมถึงลักษณะการใช้เว็บไซต์ของผู้ใช้บริการ
เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้บริการ
3. ข้อมูลการชำระเงินเพื่อการใช้บริการของบริษัท
และการเติมเงินเข้าระบบสำหรับการใช้บริการของบริษัท
โดยเฉพาะการชำระเงินและเติมเงินผ่านแอปพลิเคชันของบริษัท
ซึ่งบริษัทอาจได้รับข้อมูลการชำระเงินและข้อมูลบัญชีธนาคาร หรือบัตรเครดิต
รวมถึงประวัติการชำระเงินหรือเติมเงินของผู้ใช้บริการ
ผ่านผู้ให้บริการระบบการชำระเงินภายนอก
4. ข้อมูลธุรกรรมการใช้บริการเครื่องซักผ้า
เครื่องอบแห้ง เครื่องแลกเหรียญอัตโนมัติ และสิ่งอำนวย ความสะดวกอื่น
ที่บริษัทจัดเครื่องและอุปกรณ์ดังกล่าวไว้ให้บริการที่หน้าร้านของบริษัท
ซึ่งจะถูกรวบรวม และใช้เพื่อการคำนวณคะแนนสะสม รวมถึงการตัดเงินค่าบริการตามจำนวนที่มีการใช้บริการจริง
โดยสอดคล้องกับเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อตกลงในการใช้บริการ
5. ข้อมูลการลงทะเบียน (Log-in) และการใช้บริการของผู้ใช้บริการต่าง ๆ
ผ่านแอปพลิเคชัน โดยเฉพาะ การทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเติมเงิน
การแลกคะแนนสะสม การหมดอายุของคะแนนสะสม เป็นต้น
ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะเชื่อมโยงมายังตัวผู้ใช้บริการด้วยบัญชีผู้ใช้งาน
6. ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องจัดเก็บ
เพื่อปฏิบัติหน้าที่ของบริษัทตามกฎหมาย ประกาศ หรือข้อบัง คับที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่ผู้ใช้บริการอาจยินยอมส่งต่อเปิดเผยต่อบริษัท
ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม
และใช้สำหรับการใช้บริการแอปพลิเคชันนี้ จะถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์หลัก ดังนี้
1. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่บริษัทอาจมี
และต้องดำเนินการ เช่น การจัดทำเอกสารทางด้านบัญชีและภาษี
หรือหน้าที่อื่นตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ประกาศ
ข้อบังคับอื่นที่บริษัทต้องปฏิบัติตาม
2. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ
ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในข้อตกลงการใช้บริการซึ่งบริษัทได้ประกาศกำหนดขึ้น
ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง (i) การยืนยันตัวตนและสิทธิของผู้ใช้บริการแต่ละบุคคล
โดยอ้างอิงจากบัญชีผู้ใช้งาน (ii) การดำเนินธุรกรรมการเติมเงิน
การชำระราคาค่าบริการ รวมถึงการสะสมและการแลกคะแนนให้สำเร็จและสมบูรณ์ตามคำสั่งของผู้ใช้บริการ
(iii) การให้บริการสนับสนุนอื่นตามที่ผู้ใช้บริการอาจร้องขอให้บริษัทดำเนินการให้
รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการติดต่อประสานงานการใช้บริการหน้าร้าน
หรือการใช้บริการแอปพลิเคชันของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทมีความจำเป็นต้องประมวลผล
และเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว ตลอด
ระยะเวลาตราบเท่าที่ผู้ใช้บริการยังคงมีบัญชีผู้ใช้งานบนแอปพลิเคชัน
และเพื่ออำนวยความสะดวกในการกลับมาใช้บริการใหม่ของผู้ใช้บริการ
บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเก็บข้อมูลดังกล่าวต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 2 ปี หลังจากมีการยกเลิก บัญชีผู้ใช้บริการ
3. เพื่อการปกป้องและการใช้สิทธิประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท
โดยไม่กระทบสิทธิของผู้ใช้บริการในฐานะ เจ้าของข้อมูลมากเกินสมควร
บริษัทจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เพื่อวัตถุประสงค์หลัก
ดังนี้ (i) เพื่อการบริหารจัดการความเสี่ยงภาพรวมขององค์กร
โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการใช้บริการแอปพลิเคชัน และป้อง
กันการทุจริตหรือการละเมิดหรือดำเนินการผิดจากเงื่อนไขในข้อกำหนดการใช้บริการที่บริษัทกำหนดไว้
(ii) เพื่อการสร้าง และปรับปรุงความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่บริษัทมีกับผู้ใช้บริการ
ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้บริการจากการใช้บริการแอปพลิเคชัน
และการจัดกลุ่มของผู้ใช้บริการ
เพื่อการปรับปรุงการให้บริการผ่านแอปพลิเคชันให้ตรงกับความต้องการ และ
ความสนใจของผู้ใช้บริการ ไม่ว่า จะเป็นรายบุคคลและผู้ใช้บริการโดยทั่วไปได้มากขึ้น
และเพื่อการปรับปรุงการวางแผนทำการตลาดของบริษัทได้ตรงกับผู้ใช้บริการแต่ละกลุ่มได้
ซึ่งอาจรวมถึงการทำการตลาดแบบ Facebook Lookalike เป็นต้น (iii)
เพื่อการนำเสนอพื้นที่โฆษณา และบริการเสริมอื่น
ตามความต้องการและพฤติกรรมการใช้บริการ ของ ผู้ใช้บริการ
(ที่ไม่ได้มีการลักษณะเป็นการทำการตลาดแบบตรง)
ทั้งนี้บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเพื่อวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว
ตลอดระยะเวลาที่จำเป็นทางธุรกิจของบริษัท โดยบริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวทั้งในรูปแบบที่เป็นข้อมูลสถิติที่ระบุตัวตนผู้ใช้บริการไม่ได้
และข้อมูลรายบุคคล
4. เพื่อการปกป้องและต่อสู้สิทธิการเรียกร้อง
หรือข้อพิพาทใดที่บริษัทอาจมีกับผู้ใช้บริการ ทั้งนี้
สำหรับจุดประสงค์ที่ระบุไว้นี้ บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไว้
เป็นระยะเวลาสูงสุดตามอายุความที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
5. กรณีที่ผู้ใช้บริการให้ความยินยอมให้บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ
เพื่อจุดประสงค์เฉพาะอื่น ได้ แก่แต่ไม่จำกัดเพียง การใช้คุกกี้ประเภทอื่นนอกจาก Strictly Necessary Cookies การติดต่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารโปรโมชั่น
หรือกิจกรรมของบริษัทที่ผู้ใช้บริการอาจสนใจ
บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว จนกว่า
ผู้ใช้บริการจะถอนความยินยอม
การส่งต่อเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ
โดยหลักการ บริษัทจะไม่ส่งต่อเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้แก่บุคคลภายนอก
เว้นแต่เป็นกรณีจำเป็น บริษัทอาจ
มีความจำเป็นต้องส่งต่อและ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการดังกล่าว
ให้แก่ (i) ผู้ให้บริการภายนอก
ซึ่งบริษัทอาจ ว่าจ้างเพื่อสนับสนุนในการให้บริการที่บริษัทต้องดำเนินการให้แก่ผู้ใช้บริการ
(ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ผู้ให้บริการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ปรึกษา
หรือผู้ให้บริการระบบการชำระเงิน หรือพันธมิตรที่เข้าร่วมโครงการแลกคะแนนสะสม)
ผู้ให้ บริการภายนอกที่ได้รับการว่าจ้างเพื่อสนับสนุนในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
(เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย ที่ปรึกษาบัญชี ผู้ตรวจ สอบบัญชี เป็นต้น)
รวมถึงบุคคลที่อยู่ระหว่างกระบวนการควบรวมกิจการกับบริษัท
โดยบริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของ ผู้ใช้บริการ
เพียงเท่าที่จำเป็นภายใต้กรอบสัญญาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการลงนามระหว่างบริษัทและบุคคลดัง
กล่าวเท่านั้น (ii) หน่วยงานราชการ
ที่บริษัทอาจอยู่ภายใต้กฎหมาย คำพิพากษา หรือคำสั่งของหน่วยงานดังกล่าวให้
ต้องเปิด เผยข้อมูลของผู้ใช้บริการแก่หน่วยงานนั้น
โดยจะเป็นการเปิดเผยเพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และ (iii) ในกรณีที่ผู้ใช้บริการอาจให้ความยินยอมแก่บริษัท
ในการส่งต่อเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่พันธมิตรของทางธุรกิจของบริษัทเป็นการเฉพาะ
บริษัทจะส่งต่อเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้แก่พันธมิตรดังกล่าว
เพื่อนำเสนอข้อเสนอบริการอื่นของพันธ มิตรที่ผู้ใช้บริการอาจสนใจ
มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทรับประกันจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันการเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข
หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้
บริษัทจะทบทวนมาตรการดังกล่าวเป็นระยะ
เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
สิทธิของเจ้าของข้อมูล
บริษัทเคารพสิทธิตามกฎหมายของผู้ใช้บริการ ในฐานะเจ้าของข้อมูล
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการดังกล่าวที่อยู่ในการควบคุมของบริษัท
โดยผู้ใช้บริการสามารถขอใช้สิทธิที่มีดังต่อไปนี้ได้ภายใต้กรอบของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
(i) สิทธิถอนความยินยอม (ii) สิทธิขอเข้าถึง
และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล (iii) สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้
ถูกต้อง (iv) สิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่บริษัททำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานด้วย
เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ
รวมถึงสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วน
บุคคลอื่น (v) สิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (vi)
สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อข้อมูลนั้นหมด
ความจำเป็น (viii) สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้